top of page

ทำไมการขึ้นทะเบียนเครื่องมือแพทย์จึงสำคัญ? เจ้าของคลินิกต้องอ่าน!"

อัปเดตเมื่อ 13 นาทีที่ผ่านมา


การขึ้นทะเบียนเครื่องมือแพทย์

การขึ้นทะเบียนเครื่องมือแพทย์เป็นกระบวนการสำคัญสำหรับเจ้าของคลินิกที่ต้องการใช้งานหรือจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยต้องปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 และ พระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 ซึ่งมีสาระสำคัญและขั้นตอนที่เจ้าของคลินิกควรรู้ดังนี้




กฎหมายที่เกี่ยวข้อง


กฎหมายเกี่ยวข้องกับการขึ้นทะเบียนเครื่องมือแพทย์

  • พระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551

กำหนดนิยาม ประเภท การควบคุม และข้อกำหนดในการผลิต นำเข้า และจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ในประเทศไทย


  • พระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562

ปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้ครอบคลุมเทคโนโลยีและมาตรฐานใหม่ เพิ่มบทลงโทษ และปรับปรุงกระบวนการควบคุมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น


ประเภทของเครื่องมือแพทย์ที่ต้องขึ้นทะเบียน

พระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 และ พระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 เครื่องมือแพทย์แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักตามระดับความเสี่ยงและความจำเป็นในการควบคุม โดยแต่ละประเภทมีข้อกำหนดในการขึ้นทะเบียน ดังนี้


เครื่องมือแพทย์ 3 ประเภท

1. เครื่องมือแพทย์ประเภทความเสี่ยงต่ำ (Class 1: Low Risk)

ลักษณะ: เป็นอุปกรณ์ที่มีความเสี่ยงต่ำและมีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ใช้น้อย

การควบคุม: ควบคุมน้อยที่สุด เพียงให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ถูกต้องตามมาตรฐานทางการผลิต

ตัวอย่างเครื่องมือแพทย์

  • ผ้าพันแผล (Bandages)

  • ถุงมือแพทย์ (Medical Gloves)

  • หน้ากากอนามัย (Surgical Masks)

  • ไม้กดลิ้น (Tongue Depressors)

  • เข็มฉีดยา (Syringes without medication)

  • อุปกรณ์วัดอุณหภูมิแบบธรรมดา (Non-digital Thermometers)


มาตรการควบคุม

  • ต้องมีคุณภาพตามมาตรฐาน อย.

  • ไม่จำเป็นต้องผ่านการทดลองทางคลินิก

  • ผู้ผลิตต้องมีระบบควบคุมคุณภาพ เช่น ISO 13485



2. เครื่องมือแพทย์ประเภทความเสี่ยงปานกลาง (Class 2: Moderate Risk)

ลักษณะ: เป็นเครื่องมือแพทย์ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น และอาจมีผลกระทบต่อร่างกายหากใช้ผิดวิธี

การควบคุม: ต้องมีการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย และบางกรณีต้องผ่านการทดสอบทางคลินิก

ตัวอย่างเครื่องมือแพทย์

  • เครื่องวัดความดันโลหิต (Blood Pressure Monitor)

  • เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว (Pulse Oximeter)

  • เครื่องพ่นยา (Nebulizer)

  • เตียงผู้ป่วยไฟฟ้า (Electric Hospital Beds)

  • อุปกรณ์ทำแผลขั้นสูง เช่น พลาสเตอร์กันน้ำ (Advanced Wound Dressings)

  • เครื่องตรวจน้ำตาลในเลือด (Glucometer)


มาตรการควบคุม

  • ต้องผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO 13485 หรือ FDA Clearance

  • บางกรณีอาจต้องมีเอกสารรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแล

  • มีการทดสอบด้าน ประสิทธิภาพและความปลอดภัย โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง


3. เครื่องมือแพทย์ประเภทความเสี่ยงสูง (Class 3: High Risk)

ลักษณะ: เป็นเครื่องมือแพทย์ที่ใช้สำหรับการรักษาหรือช่วยชีวิต ซึ่งหากเกิดความผิดพลาด อาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพหรือชีวิตของผู้ป่วย

การควบคุม: ต้องผ่านการรับรองที่เข้มงวด เช่น การทดลองทางคลินิก และต้องมีมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูง

ตัวอย่างเครื่องมือแพทย์:

  • เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker)

  • เครื่องช่วยหายใจ (Ventilator)

  • เครื่องฟอกไต (Dialysis Machine)

  • เครื่องเอกซเรย์และ MRI (X-ray, MRI Scanner)

  • อวัยวะเทียม เช่น ข้อเข่าเทียม (Prosthetics, Implants)

  • วัสดุทางทันตกรรม เช่น รากฟันเทียม (Dental Implants)


มาตรการควบคุม

  • ต้องผ่านการทดสอบทางคลินิก (Clinical Trials)

  • ต้องได้รับใบรับรองจาก FDA, CE Marking หรือ WHO Prequalification

  • ต้องมีเอกสารแสดงถึง ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความเสี่ยงต่ำสุด


ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนเครื่องมือแพทย์


ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนเครื่องมือแพทย์

ขั้นตอนที่ 1 ตรวจสอบประเภทเครื่องมือแพทย์

  • ตรวจสอบว่าเครื่องมือแพทย์ที่ต้องการขึ้นทะเบียนจัดอยู่ในประเภทใด (ต้องมีใบอนุญาต/ต้องจดแจ้ง/ทั่วไป)

  • ข้อมูลสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)


ขั้นตอนที่ 2 จัดเตรียมเอกสาร

เอกสารที่ต้องใช้มีดังนี้:

  • แบบคำขอขึ้นทะเบียนเครื่องมือแพทย์

    สามารถดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ อย.

  • เอกสารประกอบ เช่น

    • ข้อมูลทางเทคนิคของเครื่องมือแพทย์

    • ผลการทดสอบความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

    • ใบรับรองมาตรฐาน เช่น ISO 13485, CE Mark

    • ใบอนุญาตผู้ผลิต/ผู้นำเข้า

  • ใบเสร็จการชำระค่าธรรมเนียม


ขั้นตอนที่ 3 การยื่นคำขอ

  • เจ้าของคลินิกสามารถยื่นคำขอได้ 2 ช่องทาง:

    • ยื่นคำขอออนไลน์ผ่านระบบ e-Medical ของ อย.

    • ยื่นเอกสารด้วยตนเองที่สำนักงาน อย.

  • ชำระค่าธรรมเนียมตามอัตราที่กำหนด


ขั้นตอนที่ 4 การตรวจสอบและประเมิน

  • อย. จะตรวจสอบเอกสาร ประเมินความปลอดภัย และประสิทธิภาพของเครื่องมือแพทย์

  • อาจมีการเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม


ขั้นตอนที่ 5 การรับใบอนุญาตหรือเลขทะเบียน

  • หากผ่านการประเมิน เจ้าของคลินิกจะได้รับใบอนุญาตหรือเลขทะเบียนเครื่องมือแพทย์

  • ใบอนุญาตมีอายุการใช้งาน (ปกติ 3-5 ปี) ต้องต่ออายุเมื่อครบกำหนด


ขั้นตอนที่ 6 การติดฉลาก

  • เครื่องมือแพทย์ที่ได้รับอนุญาตต้องมีฉลากที่ระบุข้อมูลสำคัญ เช่น

    • ชื่อผลิตภัณฑ์

    • เลขทะเบียน

    • วิธีใช้และคำเตือน

  • ข้อมูลต้องแสดงเป็นภาษาไทย



บทลงโทษสำหรับการไม่ปฏิบัติตามกฎการขึ้นทะเบียนเครื่องมือแพทย์

ตาม พระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 และ พระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 มีบทลงโทษที่ชัดเจนสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับการผลิต นำเข้า ขาย หรือใช้งานเครื่องมือแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด ดังนี้


บทลงโทษไม่ทำตามกฎการขึ้นทะเบียนเครื่องมือแพทย์

1. การผลิต/นำเข้า/ขายเครื่องมือแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต

  • โทษ

    • ปรับสูงสุด 500,000 บาท

    • หรือจำคุกไม่เกิน 5 ปี

    • หรือทั้งจำทั้งปรับ

  • กรณีร้ายแรง: หากการกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสุขภาพหรือชีวิตของผู้บริโภค อาจเพิ่มโทษสูงขึ้นตามดุลยพินิจของศาล


2. การโฆษณาเครื่องมือแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต

  • โทษ:

    • ปรับไม่เกิน 100,000 บาท

    • หากเป็นการโฆษณาเกินจริง หรือก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในผลิตภัณฑ์ อาจมีคำสั่งให้ระงับโฆษณาทันที


3. การติดฉลากไม่ถูกต้อง หรือไม่มีฉลาก

  • โทษ:

    • ปรับไม่เกิน 50,000 บาท

    • ฉลากต้องแสดงข้อมูลสำคัญ เช่น เลขทะเบียน ชื่อผลิตภัณฑ์ ชื่อและที่อยู่ของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า วิธีใช้ คำเตือน และข้อมูลที่จำเป็นอื่น ๆ


4. การจำหน่ายเครื่องมือแพทย์หมดอายุหรือไม่ได้มาตรฐาน

  • โทษ

    • ปรับสูงสุด 100,000 บาท

    • หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน

    • หรือทั้งจำทั้งปรับ


  • มาตรการเพิ่มเติม

    • สั่งระงับการขายทันที

    • สั่งเรียกคืนสินค้าออกจากตลาด


5. การละเมิดข้อกำหนด Post-Market Surveillance

(การติดตามผลกระทบของเครื่องมือแพทย์หลังการขาย)

  • โทษ

หากไม่ดำเนินการตามข้อกำหนดในการติดตามผล อาจถูกปรับสูงสุด 200,000 บาท หรืออาจถูกยกเลิกใบอนุญาต


6. การไม่ต่ออายุใบอนุญาต

  • โทษ

หากใช้งานเครื่องมือแพทย์โดยไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้อง จะถือว่าเป็นการละเมิดกฎหมาย และอาจถูกปรับสูงสุด 500,000 บาท


7. การขัดขวางการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่

  • โทษ

    • ปรับไม่เกิน 50,000 บาท

    • หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน

    • หรือทั้งจำทั้งปรับ


8. การกระทำโดยเจตนาเพื่อหลอกลวงผู้บริโภค

  • โทษ

    • หากมีการเจตนาหลอกลวง หรือปลอมแปลงข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์:

      • ปรับสูงสุด 1,000,000 บาท

      • หรือจำคุกไม่เกิน 10 ปี

      • หรือทั้งจำทั้งปรับ


9. บทลงโทษเพิ่มเติมในกรณีความเสียหายต่อชีวิตและสุขภาพ

  • หากพบว่าเครื่องมือแพทย์เป็นต้นเหตุของการเสียชีวิตหรือทำให้สุขภาพของผู้ใช้เกิดความเสียหายร้ายแรง:

    • อาจมีโทษปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดตามความเสียหาย

    • หรือโทษจำคุกที่เพิ่มขึ้นตามดุลยพินิจของศาล



สรุป

การไม่ปฏิบัติตามกฎการขึ้นทะเบียนเครื่องมือแพทย์อาจส่งผลให้เกิดบทลงโทษที่ร้ายแรง ทั้งโทษปรับและจำคุก นอกจากนี้ การละเมิดกฎหมายอาจส่งผลเสียต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของธุรกิจ ดังนั้น เจ้าของธุรกิจหรือคลินิกควรปฏิบัติตามข้อกำหนดและกฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาและสนับสนุนความปลอดภัยของผู้บริโภค.


Comments


บริการทั้งหมด

สินค้า

ติดต่อสอบถาม

CLINICDECCOR

สำรวจพื้นที่ให้คำปรึกษา

ออกแบบคลินิก

ตกแต่งคลินิก

ขอใบอนุญาตคลินิก

ออกแบบโลโก้

ผลิตสื่อโซเชียลมีเดีย

เตียงทรีทเม้นท์
เฟอร์นิเจอร์
เครื่องมือแพทย์ความงาม
โคมไฟคลินิก
อุปกรณตกแต่งคลินิก

แจ้งปัญหา
ปรึกษาปัญหา
ประเมินราคาเบื้องต้น
ขั้นตอนการทำงาน

633/1 ถ.สาธุประดิษฐ์ แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา  กรุงเทพมหานคร 10120

Asset 5_3x.png
QR CODE

Copyright © 2020 clinicdeccor.com All Rights Reserved

bottom of page