top of page

รู้จักสหคลินิก คลินิกที่ให้คุณมากกว่าการรักษาแค่ด้านเดียว

อัปเดตเมื่อ 4 วันที่ผ่านมา

สหคลินิก

ในยุคที่ความต้องการด้านสุขภาพของผู้คนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การดูแลสุขภาพที่ครบวงจร รวดเร็ว และสะดวกสบายกลายเป็นสิ่งสำคัญ สหคลินิก (Multi-specialty Clinic) จึงเป็นคำตอบที่ตอบโจทย์ผู้ป่วย ด้วยบริการทางการแพทย์หลากหลายในสถานที่เดียว บทความนี้จะพาคุณทำความรู้จักสหคลินิกในทุกมิติ ตั้งแต่จุดเด่น ข้อดี ข้อเสีย ไปจนถึงแนวทางการขออนุญาตเปิดคลินิก




  1. สหคลินิกคืออะไร

สหคลินิก เป็นคลินิกที่รวบรวมบริการทางการแพทย์จากหลากหลายสาขาไว้ในที่เดียว เช่น อายุรกรรม, กุมารเวชกรรม, ศัลยกรรม, สูตินรีเวช, กายภาพบำบัด เป็นต้น โดยมีจุดเด่นคือการดูแลสุขภาพแบบครบวงจรและครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ป่วย การทำงานร่วมกันของแพทย์จากหลายสาขา ช่วยให้การวินิจฉัยและการรักษามีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น


  1. ข้อดีของการทำสหคลินิก


ข้อดีของการทำสหคลินิก

  1. การรักษาแบบครบวงจร

ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการรักษาได้จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขาในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็น อายุรกรรม , กุมารเวชกรรม , ศัลยกรรม , สูตินรีเวช หรือกายภาพบำบัด ช่วยให้วินิจฉัยและรักษาได้ตรงจุดมากขึ้น โดยเฉพาะ ในเคสที่ซับซ้อน


  1. ความสะดวกสบายสำหรับผู้ป่วย

ไม่ต้องเดินทางไปหลายคลินิกหรือโรงพยาบาล สามารถทำการนัดหมายหลายแผนกในที่ครั้งเดียวได้


  1. ประสิทธิภาพจากการทำงานเป็นทีม

การมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขาทางานร่วมกัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา ลดความเสี่ยง จากการวินิจฉัยผิดพลาด และสร้างแผนการรักษาที่ครอบคลุม


  1. โอกาสในการสร้างรายได้

สหคลินิกมบริการที่หลากหลาย ตั้งแต่การรักษาทั่วไป ไปจนถึงหัตถการพิเศษ ซึ่งทำให้สามารถดึงดูดกลุ่มป่วยที่แตกต่างกันได้ และสร้างช่องทางรายได้ที่หลากหลาย


  1. ความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดี

สหคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขา ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ป่วยว่าได้รับการดูแลจากมืออาชีพ




  1. ข้อเสียและความท้าทายของการทำสหคลินิก


ความท้าทายของการทำสหคลินิก


  1. การลงทุนที่สูง

ในการลงทุนทำสหคลินิกต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ และเครื่องมือแพทย์มีหลายประเภทที่ต้องใช้งบประมาณสูง รวมถึงค่าตกแต่งและระบบต่างๆในการดำเนินงาน


  1. ความซับซ้อนในการบริหารจัดการ

การจัดการทรัพยากรภายใน เช่น เวชภัณฑ์ และจำเป็นต้องมีระบบที่มีประสิทธิภาพ


  1. ความเสี่ยงจากความขัดแย้งภายใน

แพทย์แต่ละสาขาอาจมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับแนวทางการรักษา หากไม่มีการประสานงานที่ดี อาจเกิดความขัดแย้งภายในทีมได้


  1. ข้อจำกัดทางกฎหมาย

การเปิดสหคลินิกต้องปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายหลายข้อ เช่น การขอใบอนุญาตประกอบกิจการ การตรวจสอบมาตรฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวของ ซึ่งอาจมีขั้นตอนที่ซับซ้อน


  1. การควบคุมคุณภาพการรักษา

หากไม่มีการกำหนดมาตรฐานที่ชัดเจน คุณภาพของการรักษาอาจไม่สม่ำเสมอ และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ป่วย


ขั้นตอนการขออนุญาตเปิดสหคลินิก: แนวทางเพื่อการดำเนินธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย


ขั้นตอนขอเปิดสหคลินิก

ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงการบริหารจัดการและการวางแผนธุรกิจเท่านั้น แต่ยังต้องปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมายเพื่อขออนุญาตประกอบกิจการ บทความนี้จะสรุปขั้นตอนสำคัญในการขออนุญาตเปิดสหคลินิก เพื่อให้ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจได้อย่างถูกต้องและราบรื่น


1. ศึกษาข้อกำหนดและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ก่อนเริ่มต้นการขออนุญาต ควรศึกษาข้อกำหนดและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น:

  • พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม

  • ข้อกำหนดจาก กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.)

  • กฎระเบียบเกี่ยวกับการใช้สถานที่ เครื่องมือแพทย์ และการจ้างบุคลากรทางการแพทย์


2.เตรียมเอกสารประกอบการขออนุญาต

เอกสารสำคัญที่ต้องจัดเตรียม ได้แก่:

  1. แบบคำขออนุญาตเปิดสถานพยาบาล (สามารถขอได้จากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ)

  2. สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ขออนุญาต

  3. แผนที่ตั้งของสถานพยาบาล พร้อมภาพถ่ายสถานที่จริง

  4. แบบแปลนสถานที่ ที่แสดงรายละเอียดการจัดวางห้องต่าง ๆ

  5. ใบประกอบวิชาชีพของแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ ที่จะประจำอยู่ในสหคลินิก

  6. รายการเครื่องมือแพทย์ ที่จะใช้ในคลินิก

  7. หลักฐานการเช่าสถานที่หรือเอกสารสิทธิ์ในกรณีที่เป็นเจ้าของพื้นที่

  8. แผนการดำเนินงานและการบริหารจัดการคลินิก


3.ยื่นคำขออนุญาต

เมื่อเตรียมเอกสารครบถ้วน ให้ดำเนินการดังนี้:

  1. ยื่นคำขออนุญาตที่ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่สถานพยาบาลตั้งอยู่

  2. ชำระค่าธรรมเนียมการขออนุญาตตามที่กำหนด

  3. เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเอกสารและนัดหมายวันตรวจสถานที่


4.ตรวจสอบสถานที่

เจ้าหน้าที่จากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพหรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจะทำการตรวจสอบสถานที่ โดยพิจารณา:

  • ความเหมาะสมของพื้นที่และการจัดวาง

  • ความสะอาดและความปลอดภัยของสถานที่

  • การติดตั้งเครื่องมือแพทย์ที่ได้มาตรฐาน

  • ระบบสาธารณูปโภค เช่น ระบบไฟฟ้า น้ำประปา และระบบกำจัดขยะติดเชื้อ


5.ออกใบอนุญาตและเริ่มดำเนินการ

หลังจากผ่านการตรวจสอบและได้รับการอนุมัติ:

  1. เจ้าหน้าที่จะออก ใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล

  2. ผู้ประกอบการสามารถเริ่มดำเนินธุรกิจได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

  3. ต้องติดใบอนุญาตในที่ที่ผู้ป่วยสามารถมองเห็นได้ชัดเจน


6.ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดหลังเปิดคลินิก

หลังจากได้รับใบอนุญาต ควรปฏิบัติตามข้อกำหนดต่อไปนี้:

  • ส่งรายงานการดำเนินงานให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามระยะเวลาที่กำหนด

  • ปฏิบัติตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย

  • ตรวจสอบและต่ออายุใบอนุญาตตามกำหนดเวลา

  • ปรับปรุงและพัฒนาบริการตามมาตรฐานที่กำหนด



การขออนุญาตเปิดสหคลินิก vs. คลินิกทั่วไป: ความเหมือนและความแตกต่าง


ความแตกต่างในการขอใบอนุญาตเปิดคลินิก

แม้การเปิด สหคลินิก (Multi-specialty Clinic) และ คลินิกทั่วไป จะมีขั้นตอนการขออนุญาตที่คล้ายคลึงกันในบางด้าน เนื่องจากทั้งสองประเภทต้องปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับสถานพยาบาล แต่ยังมีความแตกต่างที่สำคัญในแง่ของเอกสาร ข้อกำหนด และกระบวนการตรวจสอบ สรุปความเหมือนและความแตกต่างได้ดังนี้:


ความเหมือนในการขออนุญาต

  1. ข้อกำหนดทางกฎหมายทั้งสหคลินิกและคลินิกทั่วไปต้องปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การขอใบอนุญาตประกอบกิจการ และการตรวจสอบมาตรฐานโดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.)

  2. เอกสารพื้นฐานที่ต้องใช้

    • แบบคำขออนุญาตเปิดสถานพยาบาล

    • สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ขออนุญาต

    • แผนที่ตั้งสถานพยาบาลและแบบแปลนสถานที่

    • ใบประกอบวิชาชีพของบุคลากรทางการแพทย์

  3. กระบวนการตรวจสอบสถานที่เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความเหมาะสมของพื้นที่ เช่น ความสะอาด ระบบสาธารณูปโภค และความปลอดภัย


ความแตกต่างในการขออนุญาต

1. ขอบเขตของบริการและการจัดการ

  • คลินิกทั่วไป: ให้บริการทางการแพทย์เฉพาะทางใดทางหนึ่ง (เช่น คลินิกทันตกรรม คลินิกกายภาพบำบัด)

  • สหคลินิก: ให้บริการจากหลากหลายสาขาทางการแพทย์ในสถานที่เดียว เช่น อายุรกรรม ศัลยกรรม สูตินรีเวช กุมารเวชกรรม ฯลฯ

ดังนั้น สหคลินิกต้องมีการจัดเตรียมเอกสารเพิ่มเติม เช่น รายละเอียดเกี่ยวกับการแบ่งแผนกและการจัดการทรัพยากรในแต่ละแผนก

2. พื้นที่และโครงสร้างสถานที่

  • สหคลินิก: ต้องมีพื้นที่ขนาดใหญ่พอสำหรับการจัดแยกแผนกต่าง ๆ และรองรับผู้ป่วยจำนวนมาก รวมถึงพื้นที่เฉพาะสำหรับหัตถการพิเศษ

  • คลินิกทั่วไป: พื้นที่อาจไม่ต้องกว้างขวางมากนัก เนื่องจากให้บริการเฉพาะทางเพียงสาขาเดียว

3. บุคลากรทางการแพทย์

  • สหคลินิก: ต้องมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา พร้อมใบประกอบวิชาชีพของแต่ละคน รวมถึงทีมงานสนับสนุน เช่น พยาบาลและผู้ช่วยแพทย์ในแต่ละแผนก

  • คลินิกทั่วไป: ใช้บุคลากรเฉพาะทางในสาขานั้น ๆ เพียงไม่กี่คน

4. รายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์

  • สหคลินิก: ต้องจัดซื้อเครื่องมือแพทย์หลากหลายชนิดตามความต้องการของแต่ละสาขา รวมถึงการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยของเครื่องมือทั้งหมด

  • คลินิกทั่วไป: จัดหาเครื่องมือที่ใช้เฉพาะในสาขาที่ให้บริการเท่านั้น

5. การตรวจสอบและข้อกำหนดพิเศษ

  • สหคลินิก: การตรวจสอบมาตรฐานจะละเอียดและครอบคลุมกว่า เช่น การตรวจสอบระบบระบายอากาศ การจัดการขยะติดเชื้อในแต่ละแผนก และการแยกพื้นที่บริการให้เหมาะสม

  • คลินิกทั่วไป: การตรวจสอบเน้นความเหมาะสมในสาขาที่ให้บริการ เช่น ระบบฆ่าเชื้อในคลินิกทันตกรรม หรือความสะอาดในคลินิกผิวหนัง


ความซับซ้อนในการขออนุญาต

  • สหคลินิก: มีความซับซ้อนมากกว่า เนื่องจากต้องบริหารจัดการหลายแผนกและเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับบริการหลากหลายประเภท รวมถึงการปฏิบัติตามมาตรฐานที่หลากหลาย

  • คลินิกทั่วไป: กระบวนการขออนุญาตง่ายกว่า เพราะมีข้อกำหนดที่ชัดเจนในสาขาเดียว



สรุป

สหคลินิกเป็นรูปแบบสถานพยาบาลที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านสุขภาพของคนยุคใหม่ ด้วยการให้บริการแบบครบวงจร แม้จะมีความท้าทายในด้านการลงทุนและการบริหารจัดการ แต่หากมีการวางแผนและระบบการทำงานที่ดี สหคลินิกสามารถเป็นธุรกิจที่สร้างความยั่งยืนและสร้างประโยชน์ให้กับสังคมได้อย่างแท้จริง


หากใครที่สนใจหรืออยากเปิดคลินิก สามารถดูหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ‘กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ’



 

ให้เราเป็นก้าวสำคัญในธุรกิจคลินิกของคุณ

ปรึกษา & สอบถามเพิ่มเติม คลิก : m.me/clinicdeccor


———————————————


Facebook Official: Clinic Deccor

Tel. 093-424-1559 / 063-896-0577


QR Code



Comments


bottom of page