top of page

จ่ายภาษีป้ายถูกวิธี ช่วยธุรกิจคุณได้มากกว่าที่คิด!

อัปเดตเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา


จ่ายภาษีป้าย

เมื่อพูดถึงภาษีป้าย หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่การปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้องไม่เพียงช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมาย แต่ยังช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างยั่งยืนอีกด้วย! บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่าเหตุใดการจ่ายภาษีป้ายให้ถูกวิธีจึงสำคัญ และช่วยธุรกิจของคุณได้อย่างไร




ภาษีป้าย คืออะไร?


ภาษีษีป้ายคืออะไร

ภาษีป้าย คือ ภาษีที่เรียกเก็บจากป้ายโฆษณาชื่อ, ยี่ห้อ หรือโลโก้ที่ใช้ในการค้า เช่น ป้ายร้านค้า ป้ายสินค้า ยี่ห้อหรือโลโก้ ที่ใช้ในการค้าและกิจกรรมสร้างรายได้ โดยผู้มีหน้าที่เสียภาษี ได้แก่ เจ้าของป้าย หรือผู้ครอบครองป้าย หากหาผู้ครอบครองป้ายไม่ได้ ผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคาร ที่ดินที่ทำการติดป้ายจะต้องรับผิดชอบ โดยเจ้าหน้าที่จะส่งหนังสือแจ้งการประเมินภาษี


ป้ายใดบ้าง ที่ต้องเสียภาษี?

บางป้ายจะดูเรียบง่าย แต่หากมี ข้อความหรือภาพเพื่อการค้า ต้องเสียภาษีตามกฎหมาย เจ้าของหรือผู้ติดตั้งป้ายควรตรวจสอบประเภทป้ายก่อนติดตั้งเพื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบได้อย่างถูกต้อง


ป้ายที่ต้องเสียภาษี

ป้ายที่ต้องเสียภาษีป้าย ได้แก่

  • ป้ายที่มีข้อความหรือสัญลักษณ์เพื่อการค้า

  • ป้ายที่ติดตั้งบนวัสดุหรือสถานที่ต่าง ๆ เช่น บนอาคาร ผนัง หลังคา หรือพื้นที่ของอาคาร

  • ป้ายโฆษณา ประชาสัมพันธ์เพื่อแสวงหาผลกำไร

  • ป้ายที่เคลื่อนไหวได้ เช่น ป้ายดิจิทัลที่ข้อความเปลี่ยนได้


ป้ายที่ได้รับการยกเว้นการภาษีป้าย มีแบบไหนบ้าง?

ป้ายที่ได้รับการยกเว้นภาษีส่วนใหญ่คือป้ายที่ไม่ได้มี วัตถุประสงค์เพื่อการโฆษณาเชิงพาณิชย์โดยตรง หรือเกี่ยวข้องกับ ประโยชน์สาธารณะ, ศาสนา หรือกิจกรรมชั่วคราว โดยป้ายที่ได้รับการยกเว้นภาษีตาม พระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 มีลักษณะดังนี้


ป้ายที่ไม่ต้องเสียภาษี

ป้ายที่ได้รับการยกเว้นภาษีป้าย ได้แก่

  • ป้ายบนยานพาหนะ รถยนต์ส่วนบุคคล, รถจักรยานยนต์, รถแทรกเตอร์

  • ป้ายที่ติดบนล้อเลื่อนหรือยานพาหนะอื่น ที่มีขนาดไม่เกิน 500 ตารางเซนติเมตร

  • ป้ายของกลุ่มเกษตรกร ป้ายที่แสดงผลผลิตทางการเกษตรของเกษตรกรเอง ไม่วัตถุประสงค์เพื่อการค้า

  • ป้ายเพื่อศาสนาและการกุศล ติดตั้งโดย วัด , องค์กรศาสนา หรือหน่วยงานเพื่อการกุศล ไม่เกี่ยวข้องกับการแสวงหาผลกำไร

  • ป้ายของหน่วยงานรัฐ หน่วยงานราชการทุกระดับ  องค์กรรัฐวิสาหกิจที่รายได้ส่งคืนรัฐ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย, ธนาคารออมสิน

  • ป้ายในสถานศึกษา ป้ายที่ติดตั้งในโรงเรียนเอกชน หรือ สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ป้ายที่ใช้เพื่อการศึกษาโดยตรง

  • ป้ายเพื่อกิจกรรมชั่วคราว ใช้ในงานกิจกรรมเฉพาะ เช่น งานเทศกาล, งานประเพณี หรือกิจกรรมพิเศษ ที่มีระยะเวลาชั่วคราว

  • ป้ายภายในอาคาร ป้ายที่อยู่ภายในอาคารที่ใช้เพื่อการค้า หรือกิจการอื่นเพื่อหารายได้ โดยมี ขนาดไม่เกิน 3 ตารางเมตร

    ยกเว้น: ป้ายที่อยู่ภายใต้กฎหมายทะเบียนพาณิชย์

  • ป้ายสินค้า ป้ายที่ติดอยู่บนสินค้าโดยตรง หรือ บนบรรจุภัณฑ์ของสินค้า ป้ายที่ไม่ได้โฆษณาเพื่อการค้าภายนอก


5 ขั้นตอนการชำระภาษีป้าย

ขั้นตอนการชำระภาษีป้าย มีรายละเอียดที่ต้องปฏิบัติอย่างถูกต้องเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายและค่าปรับ ดังนี้


ขั้นตอนการชำระภาษีป้าย

1. การเตรียมเอกสาร

ก่อนยื่นชำระภาษีป้าย คุณต้องเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้:

  • แบบฟอร์ม ภ.ป.1 (แบบแสดงรายการภาษีป้าย)

  • บัตรประชาชน หรือสำเนาบัตรประชาชน (กรณีบุคคลธรรมดา)

  • สำเนาทะเบียนบ้าน

  • เลขประจำตัวผู้เสียภาษี

  • หนังสือรับรองบริษัท/ห้างหุ้นส่วน (กรณีเป็นนิติบุคคล)

  • ใบอนุญาตติดตั้งป้าย หรือใบเสร็จจากร้านทำป้าย

  • รูปถ่ายป้าย พร้อมระบุขนาด (กว้าง x ยาว)


2. การยื่นแบบแสดงรายการ (ภ.ป.1)

  • ยื่นแบบ ภ.ป.1 ได้ที่ สำนักงานเขต, เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ในพื้นที่ที่ป้ายตั้งอยู่

  • กรณีติดตั้งป้ายใหม่: ต้องยื่นภายใน 15 วัน หลังจากติดตั้ง

  • กรณีการชำระประจำปี: ต้องยื่นแบบ ภายในวันที่ 31 มีนาคม ของทุกปี


3. การประเมินภาษี

  • เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเอกสารที่ยื่น และประเมินจำนวนภาษีที่ต้องชำระ

  • หากผู้เสียภาษีเตรียมเอกสารครบถ้วนและยอมรับผลประเมิน สามารถชำระภาษีได้ทันที

  • หากยังไม่พร้อมชำระ เจ้าหน้าที่จะออกหนังสือแจ้งยอดภาษี พร้อมกำหนดระยะเวลาชำระ ภายใน 15 วัน


4. การชำระเงิน

  • สถานที่ชำระเงิน: ณ สำนักงานเขต, เทศบาล หรือ อบต.

  • รูปแบบการชำระเงิน:

    • เงินสด

    • ชำระผ่านระบบออนไลน์ (หากหน่วยงานท้องถิ่นรองรับ)

  • หมายเหตุ: เก็บใบเสร็จไว้เป็นหลักฐานเพื่อใช้ในกรณีตรวจสอบหรือยืนยันการชำระ


5.การเก็บใบเสร็จ

หลังชำระภาษี ควรเก็บใบเสร็จไว้เป็นหลักฐาน เพื่อใช้ในกรณีตรวจสอบหรือยืนยันการชำระในอนาคต


อัตราภาษีป้าย

อัตราภาษีป้ายกำหนดตามลักษณะของป้ายและข้อความที่แสดงบนป้าย โดยแบ่งเป็น 3 ประเภทหลักดังนี้


อัตราภาษีป้าย

อัตราภาษีป้ายแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก:

  1. ป้ายที่มีเฉพาะอักษรไทย: 5 บาท/500 ตร.ซม.

  2. ป้ายที่มีอักษรไทยและต่างประเทศ หรือภาพ/เครื่องหมายอื่น : 10 บาท/500 ตร.ซม.

  3. ป้ายที่มีเฉพาะอักษรต่างประเทศหรือมีอักษรไทยน้อยกว่าต่างประเทศ : 52 บาท/500 ตร.ซม.


กรณีป้ายพิเศษ

  • ป้ายที่มีข้อความเคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนแปลงได้ เช่น ป้ายดิจิทัล:

อัตราภาษี: 10 บาทต่อ 500 ตารางเซนติเมตร


  • ป้ายขนาดเล็กที่คำนวณแล้วต่ำกว่า 200 บาท

ต้องเสียภาษีขั้นต่ำ 200 บาทต่อป้าย


การคำนวณภาษีป้าย

การคำนวณภาษีป้ายมีขั้นตอนที่ชัดเจน โดยขึ้นอยู่กับ ขนาดของป้าย และ ประเภทของข้อความหรือสัญลักษณ์ บนป้าย ซึ่งแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้


การคำนวณภาษีป้าย

วิธีคำนวณภาษีป้าย

  • คำนวณพื้นที่ป้าย:

    พื้นที่ป้าย=กว้าง (ซม.) × ยาว (ซม.)

  • หาฐานภาษี:

    ฐานภาษี=พื้นที่ป้าย÷500

  • คำนวณค่าภาษี:

    ค่าภาษี=ฐานภาษี×อัตราภาษีค่าภาษี

  • กรณีภาษีขั้นต่ำ

หากคำนวณแล้วค่าภาษีต่ำกว่า 200 บาท ต้องเสียขั้นต่ำ 200 บาทต่อป้าย


*หมายเหตุ

การเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มขนาดป้ายต้องยื่นประเมินและชำระใหม่ตามขนาดป้ายที่เปลี่ยนแปลง


การผ่อนชำระภาษีป้าย และการคืนภาษีป้าย


การผ่อนนชำระภาษีและการคืนภาษีป้าย


การผ่อนชำระภาษีป้าย

หากยอดภาษีที่ต้องชำระมีจำนวนมาก ผู้เสียภาษีสามารถขอผ่อนชำระได้ โดยมีเงื่อนไขและขั้นตอนดังนี้

  • เงื่อนไขการผ่อนชำระ

    • ยอดภาษีที่ต้องชำระต้องมีมูลค่า ตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป

    • การผ่อนชำระแบ่งออกเป็น 3 งวด เท่า ๆ กัน

    • แต่ละงวดมีระยะเวลาชำระ 1 เดือน


  • ขั้นตอนการผ่อนชำระ

    • แจ้งความประสงค์ขอผ่อนชำระภาษีเมื่อยื่นแบบแสดงรายการ (ภ.ป.1) ที่หน่วยงานท้องถิ่น

    • เจ้าหน้าที่จะทำการประเมินยอดภาษีและกำหนดงวดการชำระ

    • ชำระงวดแรกในวันที่ยื่นขอผ่อนชำระ และงวดที่เหลือในเดือนถัดไป


การคืนภาษีป้าย

หากผู้เสียภาษีพบว่าได้ชำระภาษีเกินจำนวนที่ต้องชำระ หรือไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษี สามารถขอคืนภาษีได้ โดยมีเงื่อนไขและขั้นตอนดังนี้

  • เงื่อนไขการคืนภาษี

    • ชำระภาษีเกินจำนวนที่ประเมินไว้

    • ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษี เช่น กรณีได้รับการยกเว้น


  • ขั้นตอนการขอคืนภาษี

    • ยื่นคำร้องขอคืนภาษีที่หน่วยงานท้องถิ่น (สำนักงานเขต, เทศบาล หรือ อบต.)

    • แนบเอกสารประกอบ เช่น ใบเสร็จการชำระภาษี, หลักฐานที่แสดงว่าไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษี

    • ยื่นคำร้องภายใน 1 ปี นับจากวันที่ชำระภาษีเกิน

    • เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบคำร้องและอนุมัติการคืนภาษี


*หมายเหตุ

  • กรณีการผ่อนชำระ หากไม่ชำระตามกำหนดในแต่ละงวด อาจต้องเสียค่าปรับเพิ่ม

  • การคืนภาษีอาจใช้ระยะเวลาตรวจสอบเอกสาร ดังนั้นควรเตรียมเอกสารอย่างครบถ้วน


โทษของการละเลย หลีกเลี่ยงการยื่นแบบและชำระภาษี

หากผู้มีหน้าที่เสียภาษีป้ายละเลยหรือหลีกเลี่ยงการยื่นแบบและชำระภาษี อาจต้องเผชิญกับโทษตามกฎหมายที่กำหนดไว้ ดังนี้


โทษของการไม่จ่ายภาษีป้าย

1. กรณีไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย (ภ.ป.1)

ไม่ยื่นแบบภายในกำหนดเวลา (31 มีนาคม หรือภายใน 15 วันหลังติดตั้ง/เปลี่ยนแปลงป้าย)

ถูกปรับ 10% ของค่าภาษี ที่ต้องชำระ


  • กรณียื่นแบบไม่ถูกต้อง

ยื่นข้อมูลไม่ครบถ้วน หรือให้ข้อมูลเท็จ ทำให้ชำระภาษีน้อยกว่าที่ควร จะถูกปรับเพิ่ม 10% ของค่าภาษี ที่ขาดไป


  • กรณีไม่ชำระภาษีภายในกำหนดเวลา

ไม่ชำระภาษีภายใน 15 วัน หลังได้รับแจ้งการประเมิน ถูกปรับเพิ่ม 2% ของค่าภาษีต่อเดือน จนกว่าจะชำระครบถ้วน


  • กรณีจงใจหลีกเลี่ยงภาษี

ให้ข้อมูลเท็จหรือเจตนาหลบเลี่ยงการเสียภาษี

  • โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี

  • ปรับระหว่าง 5,000 – 50,000 บาท

  • หรือทั้งจำทั้งปรับ


  • กรณีไม่ยื่นแบบโดยเจตนา

ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าหน้าที่ หรือขัดขวางการตรวจสอบ

  • โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน

  • ปรับระหว่าง 1,000 – 20,000 บาท

  • หรือทั้งจำทั้งปรับ


การไม่ยื่นแบบหรือไม่ชำระภาษีป้ายมีบทลงโทษทั้งทางการเงินและกฎหมาย ดังนั้น ควรปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับและปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้น.


โพสต์ที่คล้ายกัน

ดูทั้งหมด

Comments


บริการทั้งหมด

สินค้า

ติดต่อสอบถาม

CLINICDECCOR

สำรวจพื้นที่ให้คำปรึกษา

ออกแบบคลินิก

ตกแต่งคลินิก

ขอใบอนุญาตคลินิก

ออกแบบโลโก้

ผลิตสื่อโซเชียลมีเดีย

เตียงทรีทเม้นท์
เฟอร์นิเจอร์
เครื่องมือแพทย์ความงาม
โคมไฟคลินิก
อุปกรณตกแต่งคลินิก

แจ้งปัญหา
ปรึกษาปัญหา
ประเมินราคาเบื้องต้น
ขั้นตอนการทำงาน

633/1 ถ.สาธุประดิษฐ์ แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา  กรุงเทพมหานคร 10120

Asset 5_3x.png
QR CODE

Copyright © 2020 clinicdeccor.com All Rights Reserved

bottom of page